ในบทความนี้ผมจะมาบอกถึงวิธีเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คครับ ว่าเบื้องต้นต้องคำนึงถึงอะไร รุ่นไหนดี จะได้ซื้อมาใช้ให้เหมาะสมกับงานที่ทำ และเหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของตัวเองมากที่สุด Notebook หรือ Laptop ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่หลายท่านขาดไม่ได้เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าท่านจะเป็นนักเรียน นักศึกษา, นักธุรกิจ, ผู้บริหาร จนถึงพนักงานแผนกต่าง ๆ ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก เช่น พนักงานขาย นักเขียนแบบ ที่สามารถพกพาโน้ตบุ๊ค ออกไปทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำงานอยู่ที่ออฟฟิศที่เดียว ในสมัยใหม่ ๆ ก็จะมี Device อื่น ๆ เข้ามามากมาย เช่น Tablet, iPad และ Smartphone ที่หลายคนชอบพกพาติดตัว ไม่ว่าจะใช้เป็นเครื่องมือในการค้าขาย เพื่อความบันเทิง หรือใช้สำหรับติดต่อสื่อสาร เป็นต้น แต่การใช้ Device ในกลุ่ม Tablet หรือ Smart Phone ก็ไม่สามารถทำงานกับโปรแกรม ต่างๆ จากคอมพิวเตอร์ได้อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นโปรเกรมเฉพาะทาง เช่น โปรแกรมเขียนแบบ โปรแกรมตัดต่องานวิดีโอ ทำเอฟเฟค และอื่น ๆ อีกหลายอย่างครับ ที่โทรศัพท์มือถือ หรือแทบเล็ตทำไม่ได้ ข้อต่อมา คือ เรื่องงบประมาณ ก่อนซื้อ คุณอาจจะตั้งงบประมาณเอาไว้ก่อนเป็นพื้นฐาน ว่าจะใช้งบไม่เกินเท่าไหร่ในการซื้อ laptop สักเครื่อง เพื่อนำมาใช้งานให้ตอบโจทย์ตัวเอง เช่น ซื้อมาเพื่อใช้งานด้านเอกสารทั่ว ๆ ไป ก็อาจจะไม่ได้ใช้งบประมาณมากเท่าไหร่ แต่หากจะซื้อมาเพื่อใช้งานการทำงานด้านกราฟิก หรือเล่นเกม ต้องตั้งงบประมาณไว้สูงหน่อย เพื่อให้ได้เครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง ที่สามารถรันโปรแกรมกราฟิก หรือเล่นเกมที่ต้องการได้ ในเนื้อหาต่อไปนี้ ผมจะอธิบายเกี่ยวกับข้อมูล และวิธีดูสเปคเบื้องต้นสำหรับไปใช้ในการเลือกซื้อโน้ตบุ๊คให้ตรงตามความต้องการของท่าน ว่าแบบไหนดี โดยผมจะแยกวิธีเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คเป็นข้อ ๆ ไว้ ดังนี้

วิธีเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คจากสเปคนั้น สิ่งที่สำคัญอันดีบแรก คือ CPU ซึ่งเปรียบเสมือนสมองของเครื่องเลยก็ว่าได้ เพราะว่า CPU ทำหน้าที่ในการประมวลผล คำนวณตัวเลข และแปลงผลลัพธ์ที่ได้ออกไปแสดงผลที่จอภาพ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ อีกที หาก CPU ประมวลผลเร็ว ก็จะทำให้การทำงานของเครื่องคุณเร็วขึ้นด้วย การเลือก CPU ก็จะมีให้เลือกหลายรุ่น แต่หลัก ๆ จะมีออกมาแข่งขันกันอยู่ 2 ยี่ห้อใหญ่ ๆ คือ Intel และ AMD การทำงานเบื้องต้น ก็จะงานคล้าย ๆ กัน อาจจะต่างที่ชุดคำสั่งในตัว CPU ที่จะประมวลผลบางอย่างได้ความเร็วที่ไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่ก็จะเรียกเป็น ค่ายแดง (AMD), ค่ายฟ้า (Intel) ในนี้ผมจะไม่เจาะลึกในส่วนนั้น แต่จะอธิบายวิธีการดูรหัส CPU แทน โดยมีดังนี้ รหัส CPU ในฝั่ง Intel หรือที่เรียกกันว่าซีพียูค่ายสีฟ้า ที่หลายคนคุ้นเคยและใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื้องจาก Intel เป็นผู้ผลิต CPU ออกมาเป็นค่ายแรก ๆ เลยก็ว่าได้ จึงทำให้คนส่วนใหญ่มั่นใจในการทำงานนั่นเอง และซีพียูจากทางอินเทล ก็จะมีแบ่งเป็น Pentium, Core i3, Core i5, Core i7 หรือ Core i9 และจะมีแยก Generation เช่น Gen 6, Gen 7, Gen 8, Gen 9, Gen 10 และล่าสุด Gen 11

Brand Modifier คือชื่อซีรีส์ของ CPU กลุ่มนั้น ๆ เช่น i3, i5, i7 และ i9 Gen Indicator คือรุ่นของซีพียูตัวนั้น เช่น 8xxx ตัวแรกคือ 8 หมายถึง Generation 8 ส่วนอีกรุ่น เลข 10xx หมายถึง Generation 10 SKU Numeric Digits คือลำดับชื่อของซีพียู จากภาพแรก x650 และ xx65 เลขนี้บ่งบอกถึงความเร็วของ CPU ได้เช่นกัน เพราะเลขยิ่งสูง หมายถึงเป็นรุ่นที่พัฒนาและผลิตออกมาใหม่กว่านั่นเองครับ ในเจนเก่าอย่าง Gen 2 – Gen 9 จะเป็นเลข 3 หลัก ส่วนเจน 10 และ 11 จะเป็นเลข 2 หลักต่อท้าย Product Line Suffix จะบอกถึงรหัสตระกูล เช่น U = หมายถึงรุ่นประหยัดพลังงาน ส่วน Gen 10 ที่ใช้โค้ดเนม ice lake รหัสต่อท้ายคือ G ส่วน Comet Lake จะมีตัวอักษรต่อท้ายเหมือนเจนอื่น ๆ เช่น U, Y, H เป็นต้น

• จะเป็นรุ่นที่กินพลังงานต่ำมาก ต่ำกว่ารุ่น U-Series อีก ที่เห็นในบ้านเราก็จะมีกลุ่ม Microsoft Surface Go

• จะเป็นรุ่นที่มีชิพประมวลผลกราฟิกติดมาด้วย ซึ่งก็เรียกว่า Onboard นั่นแหละครับ รหัสนี้จะเห็นได้จาก intel Generation 10 (Ice lake) มีรหัสต่อท้ายเป็น G1, G4, G7 ตัวเลขด้านหลัง G ก็จะบ่งบอกถึงระดับประสิทธิภาพ ยิ่งสูง ยิ่งประมวลผลเร็วขึ้น

• เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลสูง ส่วนใหญ่นำไปใช้กับ Gaming Notebook หรือเครื่องที่ใช้สำหรับงานกราฟิกหนัก อย่างตัดต่อวิดีโอ เล่นเกม เป็นต้น ส่วนมากแล้ว จะมีการ์ดจอแยกติดมาด้วย เล่น Nvidia หรือ AMD Radeon

• เป็นรุ่นที่สามารถ Overclock ได้ ส่วนใหญ่จะอยู่กับ Gaming Notebook Hi-End แน่นอนว่า Overclock ได้ ก็ย่อมแรงกว่า H Series ธรรมดา ราคาก็สูงตามไปด้วย CPU จากค่ายแดง AMD ก็เป็นอีกค่ายที่น่าสนใจ แต่หลายคนคงจะยังฝังใจอยู่กับรุ่นเก่าๆ อยู่ว่ามันมีปัญหาเรื่องของความร้อน เลยไม่กล้าใช้กัน อย่าง A, FX Series แต่ต้องบอกเลยว่า ปัจจุบันนี้ไม่ได้ร้อนแล้ว สามารถทำงานได้ดี ไม่ต่างจาก Intel เลย แถมเรื่องราคายังถูกกว่าด้วย เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่กำลังหา หรือศึกษาวิธีเลือกซื้อโน้ตบุ๊คดีๆ ราคาไม่สูงมาก มาใช้ รุ่นใหม่ๆ นี้จะมีชื่อว่า AMD Ryzen ทาง AMD ก็จะแบ่งระดับเป็น Ryzen 3, Ryzen 5, Ryzen 7 คล้ายกับฝั่ง Intel เลย แต่ AMD Ryzen ไม่ว่าจะเป็น รหัส U หรือ H ต่างก็จะมีชุดประมวลผลกราฟิกอย่าง Radeon RX VEGA ติดมาด้วย ทำให้สามารถเล่นเกมออนไลน์เบา ๆ ได้เลย แต่หากจะเล่นเกมจริงจัง หรือทำงานตัดต่อวิดีโอ หรืองานที่ต้องใช้การประมวลผลสูง ๆ ก็ควรเลือกรุ่นที่มีรหัสต่อท้ายเป็น H ไปเลย เพราะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า ทำงานได้ลื่นไหลกว่านั่นเอง แต่ส่วนมากแล้ว Gaming Notebook จะใช้ CPU รหัส H และมักจะถูกติดตั้งมาพร้อมกับการ์ดจอแยกอยู่แล้ว ทำให้ไม่น่าเป็นห่วงในเรื่องนี้ การอ่านรหัส CPU ของ AMD ก็ไม่ต่างไปจาก Intel เช่น AMD Ryzen 7 3750H AMD Ryzen ตัวแรกคือ Brand จากภาพคือ 7 หมายถึงระกับของ CPU เลข 3xxx ตัวแรกหมายถึง Generation และ x750 = 7 คือระดับประสิทธิภาพ, 50 ต่อมาคือเลขของความเร็ว เช่น 00, 50 ครับ U = Ultra-low power เน้นการประหยัดพลังงาน ไม่ต่างจาก ฝั่ง Intel

H = High performance graphics เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลสูง จะพบเห็นในกลุ่ม Gaming Notebook ซะส่วนใหญ่

RAM คือหน่วยความจำเสมือน จดจำการทำงานของต่าง ๆ และพักข้อมูลไว้ชั่วคราว เมื่อมีไฟฟ้าเลี้ยงอยู่เท่านั้น หลายคนเข้าใจผิดว่ามันสามารถบันทึกข้อมูลได้ แต่ไม่ใช่นะครับ จริงๆ แล้ว RAM ทำหน้าที่เป็นจุดพักข้อมูลระหว่าง Storage กับ CPU กล่าวคือ RAM ทำหน้าที่เป็นเหมือนศูนย์พักข้อมูล จากฮาร์ดดิสก์ เพื่อรอให้ CPU มาถึงไปประมวลผล เช่น เราเปิดโปรแกรมไว้ หลาย ๆ โปรแกรม ทั้งหมดที่เปิด RAM ก็จะดึงมาพักไว้ที่ตัวเองก่อน เมื่อเราใช้งานโปรแกรมใดโปรแกรมนึง CPU ก็จะดึงข้อมูลส่วนนั้นจาก RAM มาใช้ และพักโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งานไว้ที่ RAM นั่นเองครับ ยิ่งมีเยอะ ก็ยิ่งดี แต่ก็ควรมีวิธีเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คให้เหมาะสมกับการใช้งานด้วย เนื่องจาก RAM ก็มีราคาค่อนข้างสูง โน้ตบุ๊คส่วนมากที่ใช้งานกันทั่วไปมักจะติดตั้ง RAM มาให้เริ่มต้นที่ 4GB อาจจะเหลือให้ท่านใช้เพียง 3GB เนื่องจาก Windows ดึงไปใช้รันตัวเองบางส่วน หากท่านจะซื้อไปใช้งานจริงจัง แนะนำให้ใช้ 8GB ขึ้นไปเป็นอย่างต่ำ เพื่อให้รองรับการใช้งานในอนาคตด้วย ส่วนโน้ตบุ๊คที่นำไปทำงานด้านกราฟิก หรือเล่นเกม ต้องใช้ RAM อย่างน้อย 16GB เพื่อให้การทำงานลื่นไหล หรือ 32GB สำหรับการใช้งานกราฟิกหนัก อย่างประมวลผลจากโปรแกรม 3D หรือตัดต่อวิดีโอไฟล์ใหญ่ ๆ เป็นต้น วิธีเลือกซื้อโน๊ตบุ๊ค ก็ควรเลือกและเช็คแรมให้เหมาะสม ก่อนการซื้อก็ควรสอบถามกับทางร้าน หรือหาข้อมูลไปก่อนด้วยว่า รุ่นที่ต้องการสามารถอัพเกรด RAM เพิ่มได้อีกหรือไม่ เครื่องรุ่นนั้นๆ มีกี่ Slot RAM เช่น ถ้าเราซื้อเครื่องที่มี RAM ติดตั้งมาให้ 4GB จำนวน 1 slot แต่อยากในอนาคตอยากจะเพิ่มเป็น 8GB ก็เพียงแค่ซื้อมาเพิ่มอีก 4GB อีก 1 Slot เพื่อให้ใช้งานได้ที่ 8GB โน้ตบุ๊คส่วนมากแล้วจะมี Slot RAM มาให้ 2 Slots ซึ่งสำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อคอมพิวเตอร์กับ ภายใต้ บริษัท แอด อิน บิซิเนส จำกัด สามารถสั่งซื้อ Ram เพิ่มกับเราได้ในราคาพิเศษพร้อมเครื่อง ซึ่งเรามีทีมช่างสามารถติดตั้งให้ฟรี ก่อนส่งสินค้าให้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม จะมีบางกลุ่มอย่างพวก UltraBook หรือรุ่นเครื่องบาง เบา ก็อาจจะมีให้แค่ 1 Slot หรือฝังชิฟติดบอร์ดมาเลย ทำให้ไม่สามารถอัพเกรดเพิ่มได้ หากรุ่นไหนที่มี 1 Slot จำเป็นต้องถอด RAM ตัวเก่าออก แล้วซื้อรุ่นที่มีความจุมากกว่า ลงไปแทนเท่านั้น

เป็นหน่วยประมวลผลภาพ หรือ การ์ดจอ มีไว้ทำงานในด้านการแสดงผลภาพในรูปแบบต่าง ๆ เช่น กราฟิก 3 มิติ ทำงานบางประเภท หรือแม้แต่ใช้สำหรับเล่นเกม ก็จำเป็นต้องมีการ์ดจอ หรือ กราฟฟิคการ์ด เพื่อให้ใช้งานได้ลื่นไหลขึ้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญในวิธีเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คเช่นกัน แสดงผลออกมาทางจอภาพได้ดีขึ้น ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท ดังนี้ จะเป็นการ์ดจอที่ฝังมากับตัว CPU เพื่อใช้สำหรับประมวลผล และแสดงผลภาพในระดับพื้นฐานหรือทำงานที่ไม่สูงมาก เช่น ดูหนัง หรือเล่นเกมเบา ๆ ได้ ความแรงก็จะขึ้นอยู่ที่ CPU ด้วย และจะแชร์แรมจากเครื่องไปใช้ เนื้องจากการ์ดจอออนบอร์ด ไม่มีหน่วยความจำเป็นของตัวเอง การ์ดจอออนบอร์ด ก็จะมีอยู่ 2 ยี่ห้อ ตามยี่ห้อของ CPU ดังนี้ การ์ดจอแยก คือ ชิพประมวลผลกราฟฟิค ที่ถูกผลิตออกมาเพื่อโน้ตบุ๊คทำงานในด้านของการประมวลผลภาพเป็นหลัก ประสิทธิภาพสูงกว่าการ์ดจอออนบอร์ดมาก เช่น ทำงานกราฟิก ตัดต่อวิดีโอ งาน 3 มิติ หรือเล่นเกม เป็นต้น การใช้งานที่ความต้องการ Graphic สูง ก็ต้องมีวิธีเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คที่คำนึงถึงการ์ดจอแยก NVIDIA จะเป็นการ์ดจอของทางค่ายเขียว ที่หลายคนรู้จักกันดี ส่วนมากแล้วจะมาคู่กับ CPU intel ตั้งแต่สมัยก่อนกันเลย และแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

• เช่น MX110, MX150, MX330, MX350 กลุ่มนี้จะออกแบบมาเพื่อประหยัดไฟ ช่วยประมวลผลได้ดี สามารถเล่นเกมเบา ๆ ได้บ้าง แต่มีผลดีกับการทำงานในโปรแกรมต่าง ๆ มากกว่า

• กลุ่มนี้จะออกแบบมาเพื่อประมวลผลกราฟิกสูง ส่วนใหญ่จะเหมาะสำหรับเล่นเกม หรือใช้กับโปรแกรมตัดต่อวิดีโอก็ได้ เพราะคุ้มค่า ทำงานได้หลายอย่าง เช่น GTX1060, GTX1660, RTX2060, RTX3070, RTX3090 เป็นต้น

• สำหรับกลุ่มนี้จะออกแบบมาเพื่อทำงานโดยเฉพาะ งานที่ใช้การ์ดจอในกลุ่มนี้ก็จะเป็นงานเกี่ยวกับการออกแบบ งาน 3D ไม่เหมาะสำหรับเอาไปเล่นเกม เช่น Quadro P1000, Quadro K4100M, Quadro T2000 หรือรุ่นใหม่อย่าง Quadro RTX ก็มีเช่นกัน จะเป็นชื่อ Quadro RTX3000, Quadro RTX4000, Quadro RTX5000 เป็นต้น หากลองสังเกตดี ๆ ในกลุ่ม Quadro RTX จะไม่มีรหัสต่อท้าย จะเป็น 3000, 4000 เลยจะแตกต่างจาก RTX กลุ่มเล่นเกมซึ่งจะมีรหัสต่อท้าย เช่น RTX3070, RTX 3080 โดยสามารถดูจากเลข 2 ตัวท้ายก็ได้หากเป็น 00 คือกลุ่ม Quadro หากเป็นเลขอื่นจะเป็น กลุ่ม RTX ธรรมดานั่นเองครับ AMD จะเป็นของค่ายแดง เมื่อก่อนเราจะได้ยินชื่อว่า ATi Radeon แต่ตอนนี้ทาง AMD ได้ซื้อกิจการมาเป็น AMD เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าตอนนี้ AMD ผลิตทั้ง CPU และ GPU กันเลย และแบ่งการทำงานออกเป็น 2 แบบ เช่นกัน

• จะเป็นกลุ่มการ์ดจอที่ออกแบบมาสำหรับประมวลผลด้านงาน 3 มิติ เป็นหลัก หรือสำหรับสร้างงาน สร้างโปรเจค 3D, CAD, SolidWorks เช่น AMD FirePro M6800, W4190M เป็นต้น ปกติแล้วจะมาพร้อมกับ Workstation Notebook

• แน่นอนว่ากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มสำหรับ Player หรือการ์ดสำหรับใช้งาน เช่น เล่นเกม ดูหนัง หรือช่วยประมวลผลกราฟิกในโปรแกรมต่าง ๆ อย่างโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ เป็นต้น หากเป็นการ์ดรุ่นเล็ก ชื่อจะเป็น Radeon 530, Radeon 630 ส่วนการ์ดสำหรับเล่นเกมหรือมีการประมวลผลกราฟิกสูง จะมีชื่อว่า “RX” นำหน้าเสมอ เช่น Radeon RX 5500m, Radeon RX 6000M เป็นต้น

การมีโน้ตบุ๊คคู่ใจสักเครื่อง ออกไปทำงานข้างนอกบ้าง ก็อาจทำให้คุณได้ความคิด และมุมมองใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้ในการทำงานได้ดีขึ้น ควักกระเป๋าจ่ายเงินทั้งที ก็ควรเลือกซื้อรุ่นที่ตอบโจทย์ ตัวเองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในด้านการทำงานทั่วไป ทำงานกราฟิก โปรแกรมพิเศษ หรือเล่นเกมเป็นหลัก ก็ควรเลือกให้เหมาะสมที่สุด วิธีเลือกซื้อโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ ๆ หรือ CPU Gen ใหม่ ๆ ก็จะทำให้เครื่องของคุณรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และโปรแกรมใหม่ ๆ อย่างเช่น OS ตัวใหม่อย่าง Windows 11 ที่กำลังจะปล่อยออกมาให้อัพเดตช่วงปลายปี 2021 นี้ ถ้าเป็นกลุ่มองค์กร Commercial ก็ควรหาตัวแทนจำหน่ายที่ไว้ใจได้ หากเป็นร้านค้า IT ทั่วไป หรือตามห้างต่าง ๆ ก็จะเป็น Notebook ฝั่ง Consumer บริการหลังการขายก็แล้วแต่ร้าน อาจจะไม่เหมือนกัน ซื้อครั้งเดียวใช้ให้ยาวนานที่สุด อย่างน้อยสัก 3 ปีขึ้นไป จะเป็นการประหยัดงบประมาณ เพราะฉะนั้น เลือกกันให้ดีนะครับ สำหรับองค์กรที่มีงบประมาณจำกัด และต้องการจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะให้กับพนักงาน โดยที่ไม่จำเป็นต้องให้ใช้พกพาไปไหนมาไหนเป็นหลัก แนะนำให้เลือกซื้อ Desktop Computer แทน เพราะถ้าเทียบรุ่นสเปคที่เท่ากันกับ Notebook แล้ว จะมีราคาที่ถูกกว่า สำหรับท่านที่สนใจ ไม่ต้องหาที่ไหนไกล ว่าซื้อที่ไหนดี สามารถเลือกดูสินค้าไอทีทั้งหมดได้ที่ หน้าสินค้าของเราที่นี่ เรามีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มือหนึ่ง รุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งสำหรับใช้ส่วนตัว และทำงานจำหน่ายในราคาพิเศษที่สุด เพราะเราเป็นตัวแทนจำหน่ายอันดับหนึ่ง

Post a Comment